ขยับร่างกายขยายพื้นที่แห่งการให้
ของใช้ในบ้านหลายหลัง หลายชิ้น ถูกปล่อยทิ้งร้างให้ฝุ่นเกาะ หยากไย่จับ หรือแม้กระทั่งถูกนำไปหลบอยู่ในซอกในมุมไม่ให้รกหูรกตา นานจนบางทีเจ้าของก็หลงลืมว่าเคยมีสิ่งนั้นอยู่ในครอบครอง แต่เชื่อเถอะว่าของเก่าเก็บของบางบ้านสามารถกลายเป็นของที่นำกลับมาใช้งานได้ใหม่สำหรับบางครอบครัว
แนวคิดในการจัดกิจกรรม “เดิน – วิ่ง ด้วยหัวใจอาสา เพื่อสังคมแห่งการแบ่งปัน”เกิดขึ้นก็ด้วยความเชื่อที่ว่าข้างต้น ไม่เพียงแต่ประโยชน์โพดผลที่จะเกิดขึ้นกับสุขภาพทางกาย แต่เป้าหมายสำคัญอีกประการคือการได้บริหารสุขภาพใจ
กิจกรรมเดิน-วิ่งด้วยหัวใจอาสาเพื่อสังคมแห่งการแบ่งปัน ครั้งที่ 1เกิดขึ้นจากการร่วมไม้ร่วมมือกันของมูลนิธิหัวใจอาสา สมาพันธ์ชมรมวิ่งเพื่อสุขภาพไทย มูลนิธิยุวพัฒน์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพ โดยงานดังกล่าวจะมีขึ้นในวันที่ 5 มิ.ย.ตั้งแต่เวลา 04.30 -10.00 น.ที่กระทรวงสาธารณสุข
“ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม” อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานมูลนิธิหัวใจอาสา ซึ่งแม้ว่าร่างกายจะยังไม่แข็งแรงนัก เนื่องจากเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการป่วยครั้งใหญ่ แต่หัวใจยังแข็งแรงดี โฟนอินร่วมแถลงข่าวถึงการจัดงานดังกล่าวว่า กิจกรรมเดิน-วิ่งด้วยหัวใจอาสา เพื่อสังคมแห่งการแบ่งปัน ต้องการเติมเต็ม 3 ส่วนสำคัญให้กับสังคม ได้แก่ เติมเต็มสุขภาพกาย-ใจที่ดี เติมเต็มจิตใจที่ดีงาม คือ เอื้อเฟื้อและเกื้อกูลกัน และเติมเต็มความสามารถที่ดี โดยกิจกรรมเดิน-วิ่งด้วยหัวใจอาสาฯ มุ่งเน้นที่จะเติมเต็ม 2 เรื่องใหญ่ คือ เติมเต็มสุขภาพกายให้แข็งแรงและเติมเต็มจิตใจที่ดีงามในการแบ่งปัน เพื่อให้ภาคีและผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมได้นำเอาแนวคิดเรื่องการแบ่งปันไปขยายผลในงานอื่นๆ ต่อไป
“ในวันดังกล่าวนอกจากจะมีกิจกรรมแข่งขันเดิน-วิ่งมาราธอนแล้ว อยากจะเชิญชวนทุกคนร่วมกันนำสิ่งของในบ้านที่เราไม่ได้ใช้แต่ยังมีประโยชน์อยู่มาแบ่งปันและแลกเปลี่ยนกันในงาน เพื่อให้ผู้อื่นได้นำไปใช้ประโยชน์ต่อ เพราะบ้านของคนชั้นกลางส่วนใหญ่เก็บของที่ไม่ได้ใช้ไว้มากเกินไป การนำของที่เรามีอยู่มาแบ่งปันให้ผู้อื่น ถือเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยให้หลุดจากลัทธิการบริโภคนิยมตามหลักคำสอนของท่านพุทธทาส เป็นการสร้างทัศนคติแบ่งปันนิยม และเกื้อกูลนิยมให้เกิดขึ้นนำไปสู่สังคมที่ดี”ประธานมูลนิธิหัวใจอาสากล่าว
ขณะที่ “ดร.กิตติวัฒน์ อุชุปาละนันท์” รองประธานมูลนิธิหัวใจอาสา กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้ นอกจากรณรงค์ให้คนไทยหันมาออกกำลังกาย ป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อาทิ โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ยังต้องการจุดประกายให้เห็นคุณค่า และปลูกฝัง “หัวใจอาสา” ให้เกิดขึ้นในสังคม โดยกิจกรรมแบ่งเป็น 2ส่วน คือ 1. เดิน – วิ่ง เพื่อสุขภาพ ผู้เข้าร่วมเดินเพื่อสุขภาพ 3กม. และวิ่งมินิมาราธอน 10.5กม. ที่เข้าสู่เส้นชัย จะได้รับมอบเหรียญที่ระลึก และผู้ชนะเลิศจะได้รับมอบถ้วยรางวัลจากประธานในพิธี 2.การสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน โดยขอเชิญทุกท่านบริจาคสิ่งของทุกประเภท อาทิ อุปกรณ์ออกกีฬา เสื้อผ้า หนังสือ เพื่อนำมาประมูล และจำหน่ายภายในงาน
“รายได้ทั้งหมดนำมาสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิหัวใจอาสา ในการจัดตั้ง 4 กองทุนสำคัญ ได้แก่ กองทุนส่งเสริมการมีหัวใจอาสาและการแบ่งปันในสังคม กองทุนส่งเสริมสันติวิธีเพื่อสังคม กองทุนส่งเสริมชุมชนเข้มแข็งเป็นสุข และกองทุนส่งเสริมการป้องกันโรคมะเร็งและโรคหัวใจ ผู้สนใจลงทะเบียนร่วมกิจกรรม หรือนำสิ่งของบริจาคได้ ณ จุดรับบริจาค มูลนิธิหัวใจอาสา ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ หรือ โทร. 02-314-4112-3 ต่อ 301 หรือที่สมาพันธ์ชมรมวิ่งฯ โทร. 02-455-9149 หรือ 081-658-4704 หรือในวันงานตั้งแต่เวลา 04.30 – 05.50 น.” ดร.กิตติวัฒน์ กล่าว
ในวันแถลงข่าวผู้ร่วมแถลงข่าวบางท่านทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ด้วยการนำเสื้อยืดที่ได้เป็นที่ระลึกจากการสมัครแข่งขันเดินวิ่งอายุกว่า 10 ปีมาบริจาคเพื่อให้ทีมงานนำไปประมูลต่อในวันงาน
ยังพอมีเวลาสำหรับการกลับไปรื้อค้นของเก่าเก็บในบ้านที่ยังใช้งานได้ เอาออกมาทำความสะอาดและนำบริจาคในวันงาน เพื่อบริหารกล้ามเนื้อหัวใจแห่ง “การให้”ให้แข็งแรง และหากจะสมัครเดิน-วิ่งด้วย แข้งขาและเรี่ยวแรงในร่างกายก็คงแข็งแกร่งไม่แพ้กัน …เราอาจมีสิ่งอื่นๆ แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เราทำได้ไม่ต่างกัน คือ การทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น
เรื่องโดย: คีตฌาณ์ ลอยเลิศ Team content www.thaihealth.or.th