
ผู้บริหารทำงานหนัก ต้องระวังโรคหัวใจ
สาเหตุจากการไม่ดูแลตัวเอง
นพ.กิติพันธ์ วิสุทธารมณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ เป็นประธานเปิดงาน “เวิร์กช็อป ดูแลหัวใจให้กับผู้บริหาร” ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมให้ความรู้เรื่องโรคหัวใจ อาทิ สัญญาณอันตรายหลอดเลือดหัวใจตีบและอันตรายเมื่อหัวใจเต้นผิดจังหวะ การสาธิตเมนูเพื่อสุขภาพหัวใจ เช่น ผักปวยเล้งลวกราดซอสงา ซูชิสุขภาพ โดยมีผู้บริหารและบุคคลสำคัญ อาทิ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี มาร่วมงาน
นพ.กิติพันธ์เปิดเผยว่า ปัจจุบันโรคหัวใจเป็นโรคที่พบมากในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป และมีอัตราการเสียชีวิตมากเป็นอันดับต้นๆ ของไทย รองลงมาจากอุบัติเหตุและมะเร็ง ดังนั้น กิจกรรมนี้จะช่วยให้ความรู้ความเข้าใจว่า โรคหัวใจไม่ใช่เรื่องไกลตัว โดยเฉพาะผู้บริหารส่วนมากที่มักมีความเสี่ยงของโรคหัวใจมากขึ้น เนื่องจากต้องทำงานหนัก ไม่มีเวลาดูแลตัวเองหรือออกกำลังกาย ทั้งนี้เพื่อนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์กับสุขภาพในอนาคต
นอกจากนั้นมีรายงานข่าวแจ้งว่า นักวิจัยในอังกฤษใช้แบบคำนวณทางคณิตศาสตร์พบว่า การได้รับรังสีแม้เป็นปริมาณน้อยก็ทำให้เสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนติงว่า ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปโดยไม่มีหลักฐานทางชีววิทยาสนับสนุน
คณะนักคณิตศาสตร์ที่อิมพีเรียลคอลเลจ ลอนดอน ใช้แบบคำนวณทางคณิตศาสตร์พบว่า รังสีทำลายโมโนไซต์ เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่สามารถแทรกผ่านผนังหลอดเลือด ไปกำจัดโปรตีน mcp-1 เชื่อกันว่าโปรตีนนี้หากมีมากจะทำให้เกิดการอักเสบ นำไปสู่การเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ ผลที่ได้จากแบบคำนวณนี้สอดคล้องกับอัตราการเป็นโรคหัวใจของผู้ทำงานเกี่ยวกับรังสี
คณะนักวิจัยระบุว่า เป็นครั้งแรกที่พบกลไกเพื่อใช้อธิบายความเสี่ยงโรคหัวใจ จากการทำงานเกี่ยวกับรังสีตามที่เคยมีงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า ผู้ได้รับรังสีจากการทำงานเป็นเวลานานมักเป็นโรคหัวใจมากขึ้น ดังนั้น การได้รับรังสีแม้เป็นปริมาณน้อย เช่น รังสีทางการแพทย์ รังสีเอกซเรย์ในการทำฟัน อาจมีความเสี่ยงมากกว่าที่คิด นอกเหนือจากการทำให้เป็นมะเร็งอย่างที่เชื่อกันในขณะนี้
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
update: 28-10-52
อัพเดทเนื้อหาโดย: ภราดร เดชสาร